แนะนำสารหล่อลื่นสังเคราะห์และการใช้งาน
- อุณหภูมิ เนื่องจากน้ำมันสังเคราะห์ไม่มีส่วนประกอบของไขจึงใช้กับสภาพอุณหภูมิต่ำมากๆได้ น้ำมันPAO เบอร์ 32 และ Diester เบอร์ 32 มีจุดไหลเทที่อุณหภูมิต่ำกว่า –50 oF และยังคงประสิทธิภาพดีที่อุณหภูมิสูงกว่า 200 oF ซึ่งน้ำมันแร่มีอุณหภูมิการใช้งานสูงสุดจำกัดที่ไม่เกิน 200oF ควรพิจารณาใช้น้ำมันสังเคราะห์เมื่ออุณหภูมิทำงานขั้นต่ำที่ระดับ 180oF
- การสึกหรอต่ำ โดยทั่วไปน้ำมันสังเคราะห์มีฟิล์มหล่อลื่นแข็งแรงมากกว่า และการหล่อลื่นที่ดีกว่า โดยเฉพาะสภาพการทำงานที่ต้องทนแรงเฉือนที่เกิดขึ้นกับ Worm gear และ Hypoid gear
- ประหยัดพลังงาน น้ำมันสังเคราะห์บางชนิดมีสัมประสิทธิแรงเสียดทานต่ำเนื่องจากโครงสร้างโมเลกุลที่เป็นระเบียบเป็นผลให้ประหยัดพลังงานอย่างชัดเจนในหลายๆ การใช้งาน
คุณสมบัติและการใช้งานของน้ำมันสังเคราะห์ ตารางที่ 1 แสดงการใช้งานหลักของน้ำมันสังเคราะห์ชนิดต่างๆ ตารางที่ 1 |
|
ชนิดของน้ำมันสังเคราะห์ |
การใช้งาน |
Polyalphaolefin (PAO) |
มีประโยชน์กว้างขวาง ใช้งานได้หลากหลาย |
|
ตลับลูกปืนในห้องเย็น |
|
เกียร์, สกรู คอมเพรสเซอร์ที่ไม่มีน้ำมันท่วม ตลับลูกปืนทนร้อนของพัดลมระบายอากาศ |
|
ปั้มและมอเตอร์ |
|
Oil mist, ยานยนต์ |
Diester |
คอมเพรสเซอร์ระบบลูกสูบ ตลับลูกปืนทนร้อน, Oil mist |
Polyol Ester (POE) |
แกลเทอร์ไบน์ |
|
โรตารีสกรูคอมเพรสเซอร์ |
|
น้ำมันไฮดรอลิคต้านทานการตัดไป |
Polyalkyline (PAG) |
สกรูคอมเพรสเซอร์ที่ต้องมีน้ำมันท่วมตลอดเวลา |
|
เกียร์ |
|
โรตารีสกรูคอมเพรสเซอร์ |
Polyalphaolefin (PAO)
ถ้ามีน้ำมันสังเคราะห์เพียงชนิดเดียวให้เลือกใช้ในโรงงาน คำตอบต้องเป็น PAO เพราะเป็นน้ำมันสังเคราะห์สารพัดประโยชน์และใช้งานกว้างขวางที่สุด ทำหน้าที่ได้ดีในช่วงอุณหภูมิกว้างและมีค่าความหนืดให้เลือกมากมายโดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติพื้นฐานและสามารถเข้ากันได้ดีกับสารหล่อลื่นประเภทอื่นๆ เนื่องจากเป็นสารประเภทไม่มีขั้วจึงมีคุณสมบัติการละลายสารเพิ่มประสิทธิภาพได้ไม่ดี และเป็นสาเหตุให้ซีลหดตัวเล็กน้อย จึงจำเป็นต้องมีการผสมกับน้ำมันสังเคราะห์ที่มีขั้วเช่น ester ซึ่งทำให้ซีลพองตัวขึ้นและละลายสารเพิ่มประสิทธิภาพดีขึ้น
การใช้งานของ PAO ที่พบบ่อยได้แก่
- เกียร์ที่มีอุณหภูมิทำงานสูงและรับงานหนักมาก น้ำมันหล่อลื่น PAO ผสม EP เหมาะใช้กับ helical และ herringbone gear ขณะที่น้ำมัน PAO ที่ไม่มีสาร EP มักใช้งานหล่อลื่น Open gear
- เป็นน้ำมันที่ถูกใช้บ่อยๆ ในโรตารี่สกรูคอมเพรสเซอร์อัดอากาศ PAO และ PAG เพื่อยืดอายุการงานของน้ำมัน
- PAO เบอร์ 68 เป็นน้ำมันที่ใช้สำหรับฉีดพ่น (oil mist) ใน rolling element pump และตลับลูกปืนของมอเตอร์
- PAO ได้รับการรับรองให้ใช้กับโรงงานอาหาร NSF-H1 ในหลายๆ การใช้งาน
- ไม่แนะนำให้ใช้ PAO กับคอมเพรสเซอร์ลูกสูบที่มีอุณหภูมิการทำงานสูงเพราะอาจก่อให้เกิดการสะสมของคราบเขม่าแข็งบนวาล์วไอเสีย ทำให้วาล์วปิดไม่สนิท
Diester
Diester เป็นสารสังเคราะห์ที่เก่าแก่ที่สุดและมีช่วงค่าความหนืดให้เลือกใช้งานได้แคบ ค่าความหนืดที่ใช้งานส่วนใหญ่ คือ #32, 46, 68, 100 และ 150 เฉพาะความหนืดเบอร์ 32 เท่านั้นที่มีค่าดัชนีความหนืดสูง ขณะที่ค่าความหนืดอื่นๆ มีค่าดัชนีความหนืดระหว่าง 70-100 ขึ้นกับชนิดของแอลกอฮอล์และกรดที่ใช้ในการผลิต
สมรรถนะที่เป็นจุดแข็งของ Diester คือการทำละลายที่ดีเยี่ยม ลดการตกตะกอน มีคุณสมบัติการใช้งานดีที่อุณหภูมิต่ำ ทนความร้อนสูง และค่า flash point สูง
Diester มี aniline number ต่ำและมีแนวโน้มทำให้ซีลยางขยายตัว ดังนั้นจึงต้องใช้ซีลยางที่ทนทานเช่น DuPont Viton , Diester ยังสามารถทำปฏิกิริยากับน้ำ (hydrolize) เมื่อร้อนและสภาพความชื้นสูงซึ่งเป็นสภาพการใช้งานที่เกิดขึ้นในสกรูอมเพรสเซอร์
การใช้งานของ Diester ประกอบด้วย
- ใช้เป็นหลักในคอมเพรสเซอร์อัดอากาศแบบลูกสูบที่ทำงานหนักและไฮโดรคาร์บอน คอมเพรสเซอร์ diester มีคุณสมบัติการทนร้อนและการทำละลายที่ดี diester จะป้องกันการสะสมของคราบเขม่าบนวาล์วไอเสีย
- เป็นน้ำมันสังเคราะห์ที่เป็นทางเลือกในคอมเพรสเซอร์มานานและยังคงใช้งานอยู่ แต่เริ่มใช้ในวงแคบลงเนื่องจากโอกาสเกิดไฮโดรไลเซชั่น ใช้ผสมกับน้ำมันแร่และ PAG สำหรับหล่อลื่นระบบอัดอากาศ
- น้ำมัน diester ค่าความหนืดเบอร์ 68 และ เบอร์ 100 ถูกใช้อย่างกว้างขางสำหรับเป็นสารหล่อลื่นฉีดพ่นในชิ้นส่วนของปั้มและตลับลูกปืนของมอเตอร์
Polyol Ester (POE)
POE มีคุณสมบัติทนอุณหภูมิสูงมากจึงสามารถใช้กับงานในสภาพที่ต้องทนร้อนมากๆ และยังมีคุณสมบัติทนไฟเพราะมีจุดวาบไฟสูงและอุณหภูมิติดไฟสูง ใช้เป็นน้ำมันไฮโดรลิคในบริเวณที่มีความอ่อนไหวต่อสิ่งแวดล้อมเพราะพร้อมสลายตัวเองได้ดี
จุดด้อยของ POE คือ ต้นทุนเพราะมีราคาสูงกว่า PAO และ PAG และ Diester ถึง 50% แม้ว่ามีแนวโน้มเกิด Hydrolyse ที่อุณหภูมิและความชื้นสูง แต่ POE ยังมีความเสถียรดีกว่า diester
การใช้งานเบื้องต้นของ POE ประกอบด้วย
- Gas turbine ในเครื่องบินและอุตสาหกรรมที่ทำงานในช่วงอุณหภูมิตั้งแต่ –40oF ถึง มากกว่า 400oF และต้องการความหนืด 27 cSt
- การยืดระยะเวลาการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันในเครื่องคอมเพรสเซอร์อัดอากาศให้นานกว่า 12,000 ชั่วโมง และทนอุณหภูมิที่ 240oF ซึ่งสูงกว่าอุณหภูมิสูงสุดที่เกิดขึ้นในโรตารีสกรูคอมเพรสเซอร์
- น้ำมันไฮโดรลิคทนไฟในเหมืองใต้ดิน, โรงงงานหลอมเหล็ก โรงงานที่ต้องการการรับรองและได้มาตรฐาน MSHA certified เมื่อต้องการจุดวาบไฟของน้ำมันเบอร์ 46 มากกว่า 560 oF และจุดติดไฟ >680 oF
- น้ำมันไฮโดรลิคที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสามารถย่อยสลายตัวเองทางชีวภาพและมีส่วนประกอบของสารเพิ่มประสิทธิภาพป้องกันสึกหรอแบบไร้เถ้า
Polyalkylene glycol (PAG)
PAG ค่อนข้างเป็นสารสังเคราะห์สารพัดประโยชน์ สามารถออกแบบเป็นผลิตภัณฑ์ละลายในน้ำได้หลากหลายโดยปรับอัตราส่วนของ ethelene และ propyrlene ออกไซด์ในระหว่างกระบวนการผลิต มีค่าดัชนีความหนืดสูงเกิน 250 ในขณะเดียวกันมีความเป็นขั้วสูงสำหรับจับกับผิวของโลหะเพื่อให้การหล่อลื่นที่ดี PAG ไม่สร้างคราบสะสมและสามารถลดการละลายของแก๊สในน้ำมัน จุดด้อยหลักของ PAG คือไม่เข้ากันกับน้ำมันแร่และ PAG และทำให้ซีลยางเกิดการหดตัวและเป็นปฏิกิริยากับสีบางชนิด
การใช้งานเบื้องต้นของ PAG
- คอมเพรสเซอร์ทั้งแบบ โรตารี่สกรูและลูกสูบ
- เกียร์ โดยเฉพาะ worm gear
- น้ำมันไฮโดรลิคทนไฟ
- ผลิตภัณฑ์เกรดอาหาร NSF –H1 ที่มีค่าความหนืดเบอร์ 150 หรือสูงกว่า
- คอมเพรสเซอร์แบบโรตารี่ที่ต้องใช้น้ำมันท่วมขณะทำงาน
- คอมเพรสเซอร์นี้ใช้ ethelene ความดันสูงในการผลิตพลาสติก HDPE
การใช้งานหลักๆ ของน้ำมันสังเคราะห์ที่มีความคุ้มค่า
- Air Compressor
* Rotary Screw
* Reciprocating
- Hydro carbon Compressor
* Rotary Screw
* Reciprocating
- เกียร์
* Helical, Herringbone and Spiral Bevel
* worm gear
Rotary screw compressor
จัดเป็นคอมเพรสเซอร์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมมากที่สุด อากาศถูกบีบอัดให้มีอุณหภูมิสูงพร้อมกับมีความชื้นเจือปนอยู่ จึงเป็นสภาพแวดล้อมรุนแรงที่เกื้อหนุนต่อการเสื่อมสภาพของน้ำมัน (oxidation) สารหล่อลื่นในคอมเพรสเซอร์ทำหน้าที่หลัก 4 อย่างคือ หล่อเย็น หล่อลื่น (ตลับลูกปืน, เกียร์, และสกรู) , sealing (ปิดไม่ให้อากาศไหลออก) และป้องกันการกัดกร่อน ดังนั้นจึงต้องการสารหล่อลื่นที่มีดัชนีความหนืดสูง ทนต่อการเสื่อมสภาพและให้การหล่อลื่นที่ดี ผู้ผลิตคอมเพรสเซอร์หลายรายมีน้ำมันหล่อลื่นของตนเองซึ่งส่วนใหญ่เป็นน้ำมันสังเคราะห์ ตารางที่ 2 แสดงอายุการใช้งานของสารหล่อลื่นตามประเภทของน้ำมันพื้นฐาน
จำนวนชั่วโมงการใช้งานของน้ำมันที่ให้ไว้ในตารางเป็นคำแนะนำจากผู้ผลิตเครื่องคอมเพรสเซอร์ น้ำมันสังเคราะห์สามารถใช้ได้นานกว่านี้ถ้าอุณหภูมิและความชื้นต่ำกว่าปกติ ขึ้นกับสภาพการใช้งาน
ตารางที่ 2 จำแนก น้ำมันคอมเพรสเซอร์ตามอายุการใช้งานของน้ำมันพื้นฐาน |
||
ชนิดของสารหล่อลื่น |
คาดหมายอายุการใช้งานโดย OEM |
|
กลุ่ม 2 |
1,500 - 2,000 ชั่วโมง |
|
น้ำมันกึ่งสังเคราะห์ผสมกับ ester |
4,000 ชั่วโมง |
|
PAO |
8,000 ชั่วโมง |
|
PAG/ester (POE หรือ diester) |
8,000 ชั่วโมง |
|
POE |
12,000 ชั่วโมง |
|
น้ำมันสังเคราะห์สำหรับคอมเพรสเซอร์ที่ถูกเลือกใช้บ่อยๆ เพื่อยืดอายุการใช้งานคือ PAO เบอร์ 46 และ PAG/Ester เบอร์ 46 ชนิดของ ester ที่มักถูกเลือกใช้ผสมกับ PAG คือ diester และ POE ซึ่งช่วยให้ซีลขยายตัวเพื่อต่อต้านการหดตัวที่เกิดจาก PAG
POE เป็นน้ำมันสังเคราะห์ที่ให้อายุการใช้งานนานสุดและใช้สำหรับขยายระยะเวลาการรับประกัน ผลการทดสอบการวัดความต้านทานออกซิเดชั่นของ POE บางชนิด โดย วิธีการทดสอบที่เรียกว่า RPVOT พบว่าสามารถต้านทานออกซิเดชั่นได้นานกว่า 3,000 นาที ซึ่งสูงเกือบเป็น 2 เท่าของ PAO และ PAG POE สามารถใช้อุณหภูมิสูงมากกว่า 240 oF ซึ่งสูงกว่าอุณหภูมิขณะที่ปิดการทำงานของเครื่องคอมเพรสเซอร์อัดกาศ PAO สามารถรับมือกับอุณหภูมิจนถึง 220 oF และ PAG สามารถทนอุณหภูมิได้ต่ำกว่าคือเพียง 200 oF แต่ PAG มีข้อได้เปรียบกว่าคือมีค่าดัชนีความหนืดสูงกว่าซึ่งให้ฟิล์มที่หนากว่าที่อุณหภูมิสูง ช่วยให้มีการสึกหรอน้อยกว่า ยิ่งไปกว่านั้นไม่เกิดคราบสะสมที่อุณหภูมิสูงเมื่อน้ำมันเกิดออกซิไดซ์
สองปัจจัยหลักที่สามารถชดเชยต้นทุนของการใช้สารหล่อลื่นสังเคราะห์ที่เพิ่มขึ้นคือการยืดอายุการใช้งานของน้ำมันและการประหยัดพลังงาน ลองพิจารณาจากผลการศึกษาต่อไปนี้
จากการประเมินการทำงานของเครื่องคอมเพรสเซอร์ขนาด 300 แรงม้า ขนาดอ่างบรรจุน้ำมัน 60 แกลลอน ทำงานที่อุณหภูมิ 180 oF การใช้น้ำมันแร่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันทุกๆ 1,000 ชั่วโมง ขณะที่ PAO ใช้งานได้นานกว่าคำแนะนำของผู้ผลิตเครื่องคอมเพรสเซอร์ที่ 8,000 ชั่วโมงโดยสามารถทำงานได้นานถึง 15,000 ชั่วโมง เป็นผลให้ประหยัดน้ำมันมากกว่า 67% หรือมากกว่า 1,700 เหรียญภายในเวลา 1 ปี (ข้อมูลของ Dr.Ken Hope Chevron Phillip)
การประหยัดพลังงานในคอมเพรสเซอร์อัดอากาศสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน จากการศึกษาต่างๆ มากมายได้แสดงผลการประหยัดพลังงานใน Rotary Screw compressor ระหว่าง 3-5 % เมื่อรวมการประหยัดพลังงานและการยืดอายุการใช้งานของน้ำมันคอมเพรสเซอร์พร้อมกับการสึกหรอที่ต่ำกว่าและทำงานได้ดีกว่า จึงเป็นเหตุเป็นผลอย่างมากที่จะเลือกใช้น้ำมันสังเคราะห์สำหรับ Air Compressor
คอมเพรสเซอร์ระบบลูกสูบ
แม้คอมเพรสเซอร์ลูกสูบ (ตามรูป 2) ไม่ได้ถูกใช้มากในปัจจุบันแต่ยังมีคอมเพรสเซอร์รุ่นเก่าที่ยังคงใช้ในอุตสาหกรรม
เนื่องจากคอมเพรสเซอร์ลูกสูบมีอุณหภูมิการทำงานสูง การหล่อลื่นบริเวณกระบอกสูบจึงเป็นบริเวณที่ยากที่สุด ปัญหาหลักของการใช้น้ำมันแร่สำหรับหล่อลื่นคอมเพรสเซอร์ลูกสูบ คือ ปัญหาคราบแข็งจากการออกซิไดซ์เกาะที่วาล์วไอเสีย ทำให้วาล์วปิดไม่สนิท ทำให้คอมเพรสเซอร์เกิดความร้อนสูงและอาจเกิดไฟไหม้ได้
ทางเลือกของน้ำมันหล่อลื่นคอมเพรสเซอร์แบบลูกสูบ คือใช้ diester เบอร์ 100 หรือ 150 ซึ่งมีการทำละลายได้ดีเยี่ยม รูปที่ 3 แสดงรูปวาล์วไอเสีย 2 ตัว วาล์วด้านขวาหล่อลื่นด้วยน้ำมันแร่และผ่านการใช้งานมานาน 4 เดือน ส่วนวาล์วด้านซ้ายหล่อลื่นด้วยน้ำมัน diester ใช้งานมานาน 6 เดือน วาล์วที่หล่อลื่นด้วย diester ยังคงทำงานราบเรียบโดยไม่มีคราบแข็ง ช่วยลดต้นทุนการเปลี่ยนวาล์วได้มากกว่า 10,000 เหรียญสหรัฐ
Hydrocarbon compression rotary screw compressor เป็นสกรูคอมเพรสเซอร์ชนิดที่ไม่มีน้ำมันท่วม ทำงานที่อุณหภูมิต่ำกว่า 180 oF สามารถหล่อลื่นด้วยน้ำมันแร่โดยไม่มีปัญหาใดๆ อย่างไรก็ตามผู้ใช้สามารถเปลี่ยนเป็นน้ำมันสังเคราะห์diester และ PAO เพื่อเพิ่มศักยภาพในการประหยัดพลังงาน สกรูคอมเพรสเซอร์ระบบที่หล่อลื่นโดยใช้น้ำมันท่วม น้ำมันแร่จะสูญเสียความหนืดไปอย่างรวดเร็ว เพราะก๊าซไฮโดรคาร์บอนละลายในน้ำมันทำให้ค่าความหนืดลดต่ำลง
PAG เป็นน้ำมันหล่อลื่นสังเคราะห์ที่ทนต่อก๊าซไฮโดรคาร์บอนมากที่สุด มักจะถูกแนะนำให้ใช้กับสกรูคอมเพรสเซอร์แบบน้ำมันท่วม แม้ว่า PAG สามารถต้านแบบการเจือจางได้ดีกว่าน้ำมันแร่แต่ต้องพิจารณาเลือกค่าความหนืดครั้งแรกให้เหมาะสมกับอุณหภูมิการทำงาน และเผื่อการเจือจางด้วยก๊าซไฮโดรคาร์บอนบางส่วน PAG เพิ่มความได้เปรียบโดยให้ค่าดัชนีความหนืดสูงมาก
Ethelene high – pressure reciprocating compressor น้ำมันสังเคราะห์ PAG เป็นสารหล่อลื่นที่เป็นตัวเลือกของ คอมเพรสเซอร์ที่ใช้เอทลีนความดันสูงเพราะมีการละลายก๊าซไฮโดรคาร์บอนน้อยสุด ค่าความหนืดของ PAG ที่ใช้คือ 270 cSt ค่าความหนืดที่ระดับนี้ยังคงให้ความแข็งแรงของฟิล์มแม้มีแรงดันสูง นำไปสู่การสิ้นเปลืองสารหล่อลื่นต่ำและอัตราการสึกหรอต่ำ
Low Pressure Hydrocarbon Compressor
น้ำมันแร่ที่มีค่าความหนืดอุณหภูมิปานกลางสามารถใช้ได้ดี ถ้ามีสภาพการใช้งานที่หนักขึ้นสามารถใช้น้ำมันสังเคราะห์ PAG และ Diester เป็นทางเลือกได้ แต่ไม่แนะนำให้ใช้ PAO เพราะมีแนวโน้มเกิดการสะสมของคราบแข็งจากการออกซิไดซ์
Helical, Herringbone และ Spiral เกียร์
เกียร์เกิดการหล่อลื่นแบบ EHL จากการเคลื่อนที่ในแนวเฉือนและการหมุน ปัจจัยที่ต้องคำนึงในการหล่อลื่นฟันเกียร์คือต้องมีฟิล์มที่หนาพอสำหรับรับแรงเฉือนและแรงกระแทก ในหลายๆ กรณีการใช้สาร EP เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรับแรงกับเกียร์ที่รับแรงมากเพื่อเป็นสารป้องกันการเกิดรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปกติใช้น้ำมันค่าความหนืด 220 ที่มีส่วนผสมของ EP สำหรับ Helical , Herringbone และ Spiral เกียร์ แต่ถ้าสภาพการทำงานที่ไม่ปกติ เช่น อุณหภูมิสูงและต้องรับแรงกระแทกมากจะเลือกใช้น้ำมันสังเคราะห์ PAO ที่มีสาร EP แม้ว่า PAG สามารถใช้ได้แต่เนื่องจากปัญหาการเข้ากันได้กับน้ำมันชนิดอื่น PAO จึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า การบรรจุเป้าหมายประหยัดพลังงานในเกียร์ทั้ง 3 แบบมีความยุ่งยากกว่า ปกติแล้วน้ำมันสังเคราะห์สามารถให้การประหยัดพลังงานเพียง 3% หรือน้อยกว่า ดังนั้นการเลือกใช้สารสังเคราะห์ในเกียร์เหล่านี้จึงไม่ใช่เป็นเหตุผลด้านการประหยัดพลังงานเพียงอย่างเดียว แต่จะให้ผลที่ดีกว่าถ้ามีจุดประสงค์ใช้น้ำมันสังเคราะห์เพื่อเพิ่มสมรรถนะการทำงานของเกียร์อย่างน่าอัศจรรย์ แม้จะต้องรับแรงหรือทำงานที่อุณหภูมิสูง
Worm gear
วอล์มเกียร์ตามรูป 4 ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพในการทำงาน การใช้น้ำมันสังเคราะห์จึงเป็นตัวเลือกที่ดี วอล์มเกียร์มีเกลียวหมุนไปทางขวาตามแกน ประกอบด้วยแกนเหล็กและล้อทองเหลือง มีการกลิ้งเพียงเล็กน้อยส่วนใหญ่เป็นการเคลื่อนที่ในลักษณะเฉือนซึ่งก่อให้เกิดการสึกหรอและความร้อนสูงกว่าอุณหภูมิแวดล้อม เนื่องจากสาร EP เป็นอันตรายต่อทองเหลืองจึงมีน้ำมันเกียร์ที่ใช้ EP น้อยมาก ทางเลือกของสารหล่อลื่นที่ใช้จึงเป็นสารผสมของน้ำมันแร่ความหนืดสูงเช่น ISO เบอร์ 460 กับไขพืชสำหรับหล่อลื่นฟันเกียร์เมื่อเกิดการสัมผัสระหว่างโลหะต่อโลหะ สารหล่อลื่นแบบนี้เสื่อมสภาพเร็วมากเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น และไม่ได้ป้องกันสึกหรอที่ดี น้ำมันสังเคราะห์ที่นิยมใช้กับ worm gear มี 2 ชนิด คือ PAO และ PAG ความหนืด ISO 460 น้ำมันทั้งสองชนิดทำงานได้ดีแม้ไม่มีสาร EP สามารถให้ฟิล์มหล่อลื่นแข็งแรง จากผลการทดสอบที่วัดจาก FZG test ที่ใช้วัดการเกิดรอยของฟันเกียร์เมื่อต้องรับแรงระดับต่างๆ ได้คะแนนดีมาก ตัวอย่างเช่น Mobil SHC634 ซึ่งเป็นน้ำมันสังเคราะห์ PAO เบอร์ 460 ไม่มีสาร EP ได้คะแนน FZG test สูงสุดระดับ 13 ในการทดสอบ ซึ่งมีอัตราการสึกหรอต่ำและประหยัดพลังงาน
มีการบันทึกข้อมูลไว้น้ำมันสังเคราะห์ประหยัดพลังงานได้ถึง 7% PAG ให้ประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานที่ดีกว่าเนื่องจากสัมประสิทธิการเสียดสี (traction coefficient) ซึ่งเกิดขึ้นภายในสารหล่อลื่นต่ำกว่า แต่น้ำมันสังเคราะห์ PAO สามารถทำได้ดีเช่นเดียวกัน อุณหภูมิภายในเกียร์ขณะทำงานสามารถลดลงได้ถึง 20-30 oF แม้ PAG ได้รับความนิยมกับ gear ทั้งในยุโรปแต่ในสหรัฐอเมริกานิยมใช้มากกว่าเพราะประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานที่ดีกว่า PAG จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับเกียร์ใหม่และสามารถใช้กับเกียร์เก่าได้หากมีการล้าง (flushing) ห้องเกียร์ด้วยวิธีการที่เหมาะสม แต่เนื่องจาก PAG อาจเป็นอันตรายต่อสีบางประเภท PAO จึงเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าเมื่อต้องการเปลี่ยนจากน้ำมันแร่เป็นน้ำมันสังเคราะห์
กรณีศึกษาของการเปลี่ยนจากน้ำมันแร่เป็นน้ำมันสังเคราะห์ PAO
ผู้ผลิตกระป๋องรายใหญ่ใช้น้ำมันแร่เบอร์ 460 กับ double-enveloping มีอัตราการเสียหายของเกียร์โดยเฉลี่ยจำนวน 4 ตัวต่อปี เกียร์แต่ละตัวต้องเสียค่าซ่อมบำรุง 12,500 เหรียญ ปกติอุณหภูมิทำงานอยู่ที่ 200 oF บางครั้งสูงกว่า 215 oF เมื่อเปลี่ยนจากน้ำมันแร่เป็นน้ำมันสังเคราะห์ PAP ความหนืด 460 ไม่เกิดความเสียหายของเกียร์จนถึงปัจจุบันเป็นเวลานาน 18 เดือน ยังไม่มีเกียร์เสียหาย อุณหภูมิเฉลี่ยของ worm gear ลดลงมากกว่า 20 oF
บทสรุป
น้ำมันสังเคราะห์เป็นวิธีการแก้ปัญหาที่แท้จริง แม้ว่าน้ำมันสังเคราะห์ทำงานได้ดีมากและสามารถชดเชยต้นทุนสูงขึ้นได้ แต่ในหลายๆ การใช้งานพบว่าน้ำมันแร่สามารถใช้งานได้ดีเช่นกัน แอร์คอมเพรสเซอร์, คอมเพรสเซอร์แบบลูกสูบที่ทำงานด้วยแรงดันและความร้อนสูง และวอร์มเกียร์ เป็น 3 เครื่องจักรที่น้ำมันสังเคราะห์สามารถยกระดับสมรรถนะการทำงานและประหยัดต้นทุนได้ดี
การเลือกประเภทน้ำมันสงเคราะห์มีความสำคัญ น้ำมันแต่ละชนิดมีจุดเด่นและจุดด้อยที่ต้องพิจารณาก่อนการตัดสินใจขั้นสุดท้าย
ต้องระลึกเสมอว่าน้ำมันสังเคราะห์ชนิดเดียวกันจากผู้ผลิตน้ำมันที่ต่างกันอาจให้คุณสมบัติต่างกัน แม้น้ำมันพื้นฐานจะมาเหมือนๆ กันแต่ส่วนผสมของสารเพิ่มประสิทธิภาพต่างกัน ให้เปรียบเทียบข้อมูลของผลิตภัณฑ์ แต่การตัดสินใจสุดท้ายอยู่ที่สมรรถนะจากการการใช้งานจริง ถ้าเป็นไปได้พิจารณาจากประวัติการใช้งานของผลิตภัณฑ์ก่อนทดสอบการใช้งานโดยการควบคุมและเก็บข้อมูลอย่างระมัดระวัง แม้กระนั้นก็ตามบางกรณีหากไม่สามารถทำได้ เราสามารถสังเกตโดยไม่ต้องทดสอบและเก็บข้อมูลอย่างจริงจัง เนื่องจากน้ำมันสังเคราะห์มีราคาแพงกว่าน้ำมันแร่ ท่านจะต้องมีการพิจารณาเลือกใช้ด้วยเหตุและผลที่ถูกต้องเที่ยงตรง